본문 바로가기
เรื่องราวของบุคคล (태국어)

นิสัยอันยิ่งใหญ่ อาหารโปรด และความรักของมหาเศรษฐีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก — บิล เกตส์

by 황금냥진콩 2025. 10. 19.

นิสัยอันยิ่งใหญ่ อาหารโปรด และความรักของมหาเศรษฐีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก — บิล เกตส์
นิสัยอันยิ่งใหญ่ อาหารโปรด และความรักของมหาเศรษฐีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก — บิล เกตส์

 

 

บิล เกตส์ (28 ตุลาคม 1955 – )
ผู้ก่อตั้งและที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์

กิจวัตรประจำวันและปรัชญาเกี่ยวกับเงิน

บิล เกตส์ ไม่ได้เป็นเพียงนักธุรกิจด้านไอทีทั่วไป แต่เป็นนักการกุศลระดับโลก ผู้ถ่ายทอดความรู้ และเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งของโลก ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ เขามีบทบาทสำคัญในการทำให้คอมพิวเตอร์แพร่หลายไปทั่วโลก และในปัจจุบัน ผ่านมูลนิธิ Bill & Melinda Gates Foundation เขายังคงมีส่วนสำคัญในการพัฒนาวัคซีน การป้องกันโรคระบาด และการปฏิรูปการศึกษา

กิจวัตรประจำวันของเขาเน้นไปที่ “สมาธิ” มากกว่า “ประสิทธิภาพ” เขาตื่นเช้า เริ่มต้นวันด้วยการออกกำลังกาย และแทนที่จะจัดตารางเวลาอย่างละเอียดในแต่ละชั่วโมง เขาจะเลือกปัญหาที่สำคัญที่สุดเพียงเรื่องเดียวเพื่อจดจ่ออย่างเต็มที่ เขากล่าวว่าช่วงเวลาอ่านหนังสือคือช่วงเวลาที่ศักดิ์สิทธิ์และมีค่าที่สุดในวันของเขา โดยเขาใช้เวลาในการอ่านเพื่อขยายมุมมองของตนต่อโลก ในความเป็นจริง เกตส์อ่านหนังสือมากกว่า 50 เล่มต่อปี และยังเผยแพร่รายชื่อ “หนังสือแนะนำประจำปีของ Gates” อีกด้วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการอ่านคือส่วนสำคัญของชีวิตเขา

ปรัชญาเรื่องเงินของเขาชัดเจนมาก: “ความมั่งคั่งคือความรับผิดชอบ” แม้จะสะสมทรัพย์สินมหาศาล เขายังคงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย และตัดสินใจบริจาคทรัพย์สินส่วนใหญ่คืนให้กับสังคม ร่วมกับวอเรน บัฟเฟตต์ เขาเริ่มโครงการ Giving Pledge เพื่อเชิญชวนมหาเศรษฐีทั่วโลกให้บริจาคทรัพย์สินเพื่อการกุศล เกตส์เองได้บริจาคทรัพย์สินของเขาไปแล้วกว่าครึ่งให้แก่มูลนิธิ เขามองว่าเงินไม่ใช่เครื่องมือในการตอบสนองความต้องการของตนเอง แต่เป็น คานงัดที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้


อาหารโปรดและคุณค่าที่สะท้อนผ่านนิสัยการกิน

บิล เกตส์ ไม่ได้เป็นคนที่ชื่นชอบอาหารหรูหรานัก พฤติกรรมการกินของเขาที่เปิดเผยผ่านการสัมภาษณ์และสารคดีนั้นเรียบง่ายและใช้สอยอย่างน่าทึ่ง เขาชอบกิน ชีสเบอร์เกอร์และโค้กไดเอท และมักถูกพบว่าซื้ออาหารเช้าที่ร้านแมคโดนัลด์ บางครั้งเขายังพกถ้วยใส่เหรียญแทนกระเป๋าสตางค์อีกด้วย

(น่าทึ่งมากที่นิสัยการกินและแนวคิดของเขาคล้ายกับวอเรน บัฟเฟตต์อย่างมาก)

แต่เบื้องหลังความเรียบง่ายนั้นมีปรัชญาที่ลึกซึ้งอยู่ เกตส์กล่าวว่า “ผมอยากใช้พลังงานไปกับการแก้ปัญหามากกว่าการกินอาหาร” แทนที่จะใช้การกินเพื่อระบายอารมณ์ เขาเลือกกินเพียงเท่าที่ร่างกายต้องการ แล้วทุ่มเวลาให้กับกิจกรรมทางปัญญา นี่แสดงให้เห็นถึงวินัยและความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง

เขายังมองว่าการกินอาหารไม่ใช่แค่กิจกรรมทางสังคม แต่เป็น เวทีแลกเปลี่ยนความรู้ แม้ในมื้ออาหารกับบุคคลสำคัญ เช่น อดีตประธานาธิบดีโอบามาหรือวอเรน บัฟเฟตต์ หัวข้อสนทนาของเขาก็มักจะเกี่ยวกับ “ปัญหาในอนาคต” เสมอ สำหรับเกตส์ มื้ออาหารไม่ใช่เวลาสำหรับความบันเทิง แต่เป็นช่วงเวลาสำหรับเติมพลังทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงการแบ่งปันความคิด

(สำหรับคนยุคใหม่ที่ชื่นชอบการกินอาหารอร่อย ๆ แนวคิดแบบนี้อาจดูคล้ายกับการฝึกจิตใจ แต่บางทีความเรียบง่ายเช่นนี้เองอาจคือความถ่อมตนอย่างแท้จริง)


ปรัชญาแห่งความรักและความสัมพันธ์ของมนุษย์

บิล เกตส์ ใช้ชีวิตแต่งงานกับภรรยาเก่า เมลินดา เฟรนช์ เกตส์ มานานกว่า 27 ปี และทั้งคู่ร่วมกันบริหารมูลนิธิที่มีบทบาทสำคัญในด้านสุขภาพ การศึกษา และการส่งเสริมสิทธิสตรีทั่วโลก

ข่าวการหย่าร้างของพวกเขาสร้างความตกใจไปทั่วโลก แต่หลังจากนั้นทั้งคู่ยังคงทำงานร่วมกันในโครงการการกุศล เกตส์มองว่าความรักคือ “พื้นที่แห่งความเคารพและการเติบโตซึ่งกันและกัน” แม้เขาจะไม่ใช่คนที่แสดงอารมณ์ออกมาอย่างเปิดเผย แต่เขามักกล่าวว่าคู่ชีวิตของเขาช่วยให้เขาเป็นคนที่ดีขึ้น เมลินดาเองก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่ปลูกฝังมุมมองเกี่ยวกับความสมดุล ความเห็นอกเห็นใจ และความรับผิดชอบต่อสังคมให้แก่เขา

ความสัมพันธ์ของเขากับลูก ๆ ก็โดดเด่นเช่นกัน เขาประกาศอย่างชัดเจนว่าจะไม่ทิ้งมรดกก้อนโตไว้ให้ลูก ๆ แต่จะมอบการศึกษาและโอกาสที่ดีแทน ปรัชญาของเขาชัดเจนมาก:

“ผมสามารถให้การศึกษาที่ดีและเปิดประตูแห่งโอกาสให้พวกคุณได้ แต่หลังจากนั้น ชีวิตของพวกคุณต้องสร้างขึ้นด้วยตัวเอง”
คำพูดนี้สะท้อนถึงความรักที่แท้จริงซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของความไว้วางใจและปัญญา


บทเรียนที่คนรุ่นใหม่สามารถเรียนรู้ได้

บิล เกตส์ มักถูกมองว่าเป็นคนธรรมดาที่สร้างผลลัพธ์ที่ไม่ธรรมดาผ่านการจัดการเวลาและความคิดที่มีระบบ เขาเชื่อว่าไม่ใช่ความคิดสร้างสรรค์อันล้ำเลิศ แต่คือความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่องและการคิดอย่างลึกซึ้งที่เปลี่ยนชีวิตของคนได้ หนึ่งในคำพูดที่น่าจดจำที่สุดของเขาคือ

“ผู้คนมักประเมินค่าสูงเกินไปว่าพวกเขาสามารถทำอะไรได้ภายในหนึ่งปี และประเมินค่าต่ำเกินไปว่าพวกเขาสามารถทำอะไรได้ภายในสิบปี”

คำพูดนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความพยายามอย่างต่อเนื่องในระยะยาว เกตส์เน้นว่าสิ่งสำคัญไม่ใช่ผลลัพธ์ในระยะสั้น แต่คือ “นิสัยที่ประหยัดเวลา มาตรฐานในการเลือกเชื่อข้อมูล และความกล้าที่จะทบทวนความล้มเหลว”

สิ่งที่เราสามารถเรียนรู้จากเกตส์ไม่ใช่เพียงการสะสมทรัพย์สิน แต่คือแก่นแท้ของการใช้ชีวิตในยุคข้อมูลข่าวสาร — เราควรเชื่ออะไร ควรคิดอย่างไร และควรลงทุนเวลาไปที่ไหน


แม้แต่สำหรับบิล เกตส์ หนึ่งวันก็มีเพียง 24 ชั่วโมงเท่ากับพวกเราทุกคน
วันนี้เราผ่าน 24 ชั่วโมงไปด้วยท่าทีและหัวใจแบบไหน?

반응형